ชุมชนพึ่งพาตนเอง

1.  ชุมชนพึ่งตนเอง  สามารถวัดได้จากขีดความสามารถอย่างน้อย  4  ประเด็น  คือ

          1.  เป็นชุมชนเรียนรู้ด้วยตนเองและมีจิตใจที่พร้อมที่จะเรียนรู้ไปตลอดชีวิต ใช้ปัญญาในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาตัวเอง 

          2.  เป็นชุมชนรู้จักคิดและตัดสินใจได้อย่างอิสระ ไม่ใช่พึ่งข้อมูล ความเห็น คำแนะนำจากคนอื่นอย่างเดียว

          3.  เป็นชุมชนที่จัดการ  ‘ทุน’  ของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ

          4.  เป็นชุมชนที่มี  “ธรรมาภิบาล”  (  good  governance  )  ชุมชนมีสำนึกในกระบวนการตัดสินใจ  การบริหารจัดการโปร่งใส  กระจายอำนาจตรวจสอบได้  (เสรี พงศ์พิศ  2549 : 124)

2.  3  กรณีตัวอย่างที่สะท้อนแนวคิดและแนวปฏิบัติของชุมชนพึ่งตนเองได้

          มี  3  กรณีตัวอย่างที่ขอนำเสนอที่นี้เพื่อสะท้อนแนวคิดและแนวปฏิบัติของชุมชน  ซึ่งเป็นกระบวนทัศน์พัฒนาที่แตกต่างไปจากของรัฐ  คือ  กรณีผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม  กรณีเครือข่ายอินแปง  และกรณีไม้เรียง

          3  กรณีเป็นที่มาอย่างสำคัญของกระบวนการพัฒนาใหม่ที่เรียกกันว่า  “การทำประชาพิจัย”  หรือชื่อเต็มว่า  “การทำประชาพิจัยและพัฒนา”  (People Research and Development : PR&D)  ซึ่ง กลายเป็นเครื่องมือเพื่อทำให้ชุมชนเข้มแข็ง  (community empowerment)  เพื่อให้ชุมชนวางแผน  จัดระเบียบและจัดการชีวิตของตนเอง

         1.  ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม

              ผู้ใหญ่วิบูลย์ เข็มเฉลิม  เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านห้วยหิน  ตำบลลาดกระทิง  อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา  เขาและครอบครัวคิดหาวิธีทำมาหากินเพื่อให้อยู่รอดอยู่ได้อย่างยั่งยืน  โดยการพลิกฟื้นผืนดิน  9  ไร่เศษให้เป็นป่าและพึ่งพาตนเองได้  หลังจากขายที่  200  ไร่เพื่อใช้หนี้  การเรียนรู้และการจัดการชีวิตของตนเองใหม่โดยการเริ่มเอา  “การเรียนรู้เป็นวิธีการ  เอาการพึ่งตนเองเป็นเป้าหมาย”  “ปลูกทุกอย่างที่กิน  กินทุกอย่างที่ปลูก”  ซึ่งเป็นแนวคิดการทำ  “วนเกษตร”  ของผู้ใหญ่วิบูลย์  ซึ่งการเรียนรู้แบบนี้เริ่มจาก  ”จิตสำนึก”  ใหม่  ที่ตั้งอยู่บน  “กระบวนทัศน์ใหม่”  ทำเพื่อ  “พึ่งตนเอง”  ไม่ใช่ทำเพื่อตลาดเป็นอันดับแรกจะเป็นไปพร้อมกับการได้ความเชื่อมั่นคืนมา 

              ผู้ใหญ่วิบูลย์ได้อธิบายถึงการพึ่งตนเองไว้ว่า  “การพึ่งตนเองเป็นสภาวะอิสระ  หมายถึงความสามารถของคนที่จะช่วยตนเองให้ได้มากที่สุด  โดยไม่เป็นภาระคนอื่นมากเกินไป  มีความสมดุล ความพอดีในชีวิต  เป็นสภาวะทางกายที่สอดคล้องกับสภาวะทางจิตที่เป็นอิสระ  มีความพอใจในชีวิตที่เป็นอยู่  มีสิ่งจำเป็นปัจจัยสี่พอเพียง  เป็นความพร้อมของชีวิตทั้งทางร่างกายและจิตใจ”

              นอกจากนี้  ผู้ใหญ่วิบูลย์ได้สรุปแผนการเรียนรู้และการจัดการไว้เป็นสูตร  “353”  ดังนี้

              เรียนรู้  3  อย่าง  คือ  รู้จักตัวเอง  รู้ปัญหา  รู้ทรัพยากร

              จัดการ  5  อย่าง  คือ  ข้าว  อาหาร  สมุนไพร  ของใช้  ปุ๋ย

              แผน  3  แผน  คือ  แผนชีวิต  แผนชุมชน  แผนทรัพยากร 

        2.  อินแปง

             อินแปงเป็นชื่อของเครือข่ายองค์กรชุมชน  เริ่มต้นรอบตีนเขาภูพานที่จังหวัดสกลนคร  ก่อนจะขยายไปสู่หมู่บ้าน  ตำบล  อำเภออื่น ๆ  ในสกลนครและจังหวัดใกล้เคียง  เริ่มจากชาวบ้านบัว  อำเภอกุดบาก  จังหวัดสกลนครได้กลับไปหาอดีตเพื่อค้นหาสาเหตุที่มาของปัญหาวันนี้ทำให้ชุมชนมองเห็นทางออกในเวลาเดียวกัน  ปัญหามาทางไหน  ทางแก้ก็ต้องมาทางเดียวกัน  คือ  “ย้อนรอย”  ปัญหานั่นเอง                 

             นี่คือตัวอย่างของการเรียนรู้ของชุมชน  ซึ่งเรียกว่า  “การวิจัยตนเอง”  พวกเขาเริ่มสืบค้นหาภูมิปัญญาดั้งเดิม  และพบว่าถ้าต้องการแก้ปัญหาก็ต้องกลับไปหาบรรพบุรุษ 

             ประสบการณ์ของ  “อินแปง”  และเครือข่ายอื่น ๆ  ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของการทำ  “ประชาพิจัย”  เนื่องจากได้เห็น  “พลัง”  ของข้อมูลการสืบประวัติวิวัฒนาการของชุมชน  ดังกรณีการบริโภคน้ำอัดลมในตำบลกุดบาก  800,000  กว่าบาทต่อปี  ทำให้ชาวอินแปงหันมาทำน้ำผลไม้บริโภคเอง  หันมาผลิตเพื่อบริโภคให้มากขึ้น  ก็จะลดรายจ่าย  เพิ่มรายได้  และทำให้สุขภาพดีอีกด้วย จนทำให้ชาวอินแปงได้ทำน้ำผลไม้บริโภคเองจนแพร่หลายออกไปสู่ตลาดกว้างโดยไม่ได้ตั้งใจ  และเป็นรายได้จำนวนไม่น้อยให้ชุมชน

            กรณีอินแปงแสดงให้เห็นว่า  ถ้าหากพวกเขาได้เรียนรู้  ได้วิจัย  และได้สืบค้นรากเหง้าและวัฒนธรรมของตน  พวกเขาจะเกิดความภูมิใจและเกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง  และได้พบพลังอำนาจของข้อมูลในการกำหนดชีวิตของตนเอง

           การทำมาหากินแบบพอเพียง  พึ่งตนเองและพึ่งพาอาศัยกัน  พึ่งพาอาศัยธรรมชาติ  ฟื้นธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์  ทำให้อินแปงสรุปว่าวันนี้พวกเขา  “อยู่อย่างมีศักดิ์และมีกินตลอดชีวิต”  โดยมีตัวชี้วัดที่พวกเขาได้สรุปเอง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส

การทำข้าวต้มมัด อำเภอเขมราฐ จังหวัดอุบลราชธานี

วัดปากแซง อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี